สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินและสต็อกน้ำมันกลั่นปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ได้แสดงความต้องการที่จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงสิ้นปีหน้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 52.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2560
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 59.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 เดือนก.ค. 2558
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงเพียง 17,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 5.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 860,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ซึ่งระบุว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ได้แสดงความต้องการที่จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงสิ้นปีหน้า
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ได้บรรลุข้อตกลงในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า
นักลงทุนจับตาการประชุมอย่างเป็นทางการของกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า ที่ประชุมจะอภิปรายในประเด็นการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต