สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) หลังจากซาอุดิอาระเบียและรัสเซียออกมาประกาศให้การสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 53.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 60.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% หลังจากซาอุดิอาระเบียและรัสเซียได้ประกาศให้การสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ได้บรรลุข้อตกลงในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.2561
นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมอย่างเป็นทางการของกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า ที่ประชุมจะอภิปรายในประเด็นการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 3.0% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.5% โดยได้ปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในสินค้าคงคลัง และการขาดดุลการค้าที่ลดลง แม้การใช้จ่ายของผู้บริโภค และการลงทุนในภาคก่อสร้างได้ชะลอตัวลงจากอิทธิพลของพายูเฮอร์ริเคนฮารวีย์ และเออร์มา
ทางด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้นเพียง 1 แท่น สู่ระดับ 737 แท่นในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ต.ค. หลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์