สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่การผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ณ เวลา 22.55 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 60 เซนต์ หรือ 1.05% สู่ระดับ 56.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล เทียบกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
EIA ยังระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.62 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่จีนนำเข้าน้ำมันต่ำสุดในรอบ 1 ปี
ทั้งนี้ สำนักงานศุลกากรของจีนรายงานว่า จีนนำเข้าน้ำมันจำนวน 7.3 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 9 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบีย และอิหร่าน รวมทั้งการที่กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลาซิส อัล ซาอุด แห่งซาอุดิอาระเบีย ได้ประกาศกวาดล้างการทุจริตครั้งใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัวมกุฎราชกุมารอัลวาลีด บิน ทาลาล และเจ้าชายคนอื่นๆ รวมทั้งรัฐมนตรี มหาเศรษฐี และอดีตเจ้าหน้าที่อีกหลายคน
ทางการซาอุดิอาระเบียกล่าวหาเลบานอนว่าได้ทำการประกาศสงครามต่อซาอุดิอาระเบีย อันเนื่องจากการรุกรานของกลุ่มฮิสบอลลาห์ในเลบานอน ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน
ทั้งนี้ เลบานอนได้ถูกดึงเข้าสู่ปมปัญหาความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน นับตั้งแต่ที่นายซาอัด อัล-ฮารีรี ซึ่งเป็นพันธมิตรกับซาอุดิอาระเบีย ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลบานอนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่ได้กล่าวหาอิหร่าน และกลุ่มฮิสบอลลาห์ในแถลงการณ์ลาออกจากตำแหน่งของเขา
ขณะเดียวกัน ซาอุดิอาระเบียได้ประกาศปิดชายแดน รวมทั้งน่านฟ้าและน่านน้ำที่ติดกับเยเมน หลังจากที่มีการยิงขีปนาวุธจากเยเมนเข้าใส่กรุงริยาดชองซาอุดิอาระเบียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งซาอุดิอาระเบียเชื่อว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งจะมีการหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียต่างก็สนับสนุนให้มีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า