สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางได้ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันเพื่อเก็งกำไร โดยรายงานระบุว่า ซาอุดิอาระเบียกล่าวหาเลบานอนว่าต้องการประกาศสงครามต่อซาอุดิอาระเบีย หลังเกิดเหตุการณ์รุกรานของกลุ่มฮิสบอลลาห์ในเลบานอน ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 57.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 63.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้ปัจจัยหนุนจากความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบีย และอิหร่าน รวมทั้งการที่กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลาซิส อัล ซาอุด แห่งซาอุดิอาระเบีย ได้ประกาศกวาดล้างการทุจริตครั้งใหญ่ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัวมกุฎราชกุมารอัลวาลีด บิน ทาลาล และเจ้าชายคนอื่นๆ รวมทั้งรัฐมนตรี มหาเศรษฐี และอดีตเจ้าหน้าที่อีกหลายคน
ทั้งนี้ ทางการซาอุดิอาระเบียออกประกาศเตือนประชาชนมิให้เดินทางเข้าสู่เลบานอน พร้อมกับสั่งชาวซาอุดิอาระเบียที่อยู่ในเลบานอนให้รีบเดินทางออกจากประเทศโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
คำเตือนดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซาอุดิอาระเบียกล่าวหาเลบานอนว่าได้ทำการประกาศสงครามต่อซาอุดิอาระเบีย หลังการรุกรานของกลุ่มฮิสบอลลาห์ในเลบานอน ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน
เลบานอนได้ถูกดึงเข้าสู่ปมปัญหาความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน นับตั้งแต่ที่นายซาอัด อัล-ฮารีรี ซึ่งเป็นพันธมิตรกับซาอุดิอาระเบีย ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลบานอนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่ได้กล่าวหาอิหร่าน และกลุ่มฮิสบอลลาห์ในแถลงการณ์ลาออกจากตำแหน่งของเขา
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งจะมีการหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน