สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) หลังจากที่ทางการซาอุดิอาระเบียออกมาส่งสัญญาณว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รวมถึงรัสเซีย ต่างสนับสนุนให้มีการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไป
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 56.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 62.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงราว 0.3% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงราว 1.3%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น หลังจากที่นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่า กลุ่มโอเปกอาจขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ในการประชุมโอเปกซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
นายคาลิดกล่าวแสดงความเห็นในการประชุมว่า แม้กลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะไม่ปรับลดกำลังการผลิตลงอีกเมื่อข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตมีกำหนดสิ้นสุดลงในไตรมาสแรกของปีหน้า แต่ก็คาดว่ากลุ่มโอเปกจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไป
นักลงทุนจับตาการประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.นี้ที่กรุงเวียนนา ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า หากสมาชิกโอเปกเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า ก็จะส่งผลให้ตลาดเผชิญภาวะขาดแคลนน้ำมันราว 830,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะขาดแคลน 310,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ การที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงยังช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.28% สู่ระดับ 93.671 ในช่วงท้ายของการซื้อขาย
ทางด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของเบเกอร์ฮิวจ์ยังคงอยู่ที่ระดับ 738 แท่นเหมือนเช่นสัปดาห์ที่ผ่านมา