สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งจะมีการหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 58.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 63.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่าระดับที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์มาก่อนหน้านี้ โดยข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากบริษัททรานส์แคนาดา คอร์ป แถลงว่าจะลดการจ่ายน้ำมันลง 85% ผ่านทางท่อส่งน้ำมันคีย์สโตนไปยังสหรัฐจนถึงสิ้นเดือนนี้ หลังมีการปิดท่อส่งน้ำมันในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากพบการรั่วไหลของน้ำมันจำนวน 5 พันบาร์เรลในรัฐเซาท์ ดาโกตา
ตามปกติ ท่อส่งน้ำมันคีย์สโตนจะส่งน้ำมันดิบ 590,000 บาร์เรล/วันจากรัฐอัลเบอร์ตาของแคนาดาไปยังตลาดสหรัฐ
นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปกที่กรุงเวียนนาในวันที่ 30 พ.ย.นี้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
รายงานระบุว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียต่างก็สนับสนุนให้มีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาสแรกของปีหน้า