สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 54 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 56.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 90 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 62.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 73,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9.78 ล้านบาร์เรล/วัน ในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 5.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 902,000 บาร์เรล
ส่วนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา EIA ได้ออกรายงานคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในสหรัฐจะปรับตัวขึ้น 800,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2561 หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
รายงานประจำเดือนของ EIA ยังระบุด้วยว่า แคนาดา บราซิล นอร์เวย์ และคาซัคสถาน จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 700,000 บาร์เรล/วัน ในปี 2561 และคาดว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล/วัน