สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวขึ้นในวันนี้ จากปัจจัยการปิดท่อส่งน้ำมันในทะเลเหนือของอังกฤษ, การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และการลดลงของสต็อกน้ำมันทั่วโลก
อย่างไรก็ดี การเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในสหรัฐเป็นปัจจัยจำกัดช่วงบวกในตลาด
ณ เวลา 22.50 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX บวก 14 เซนต์ หรือ 0.25% สู่ระดับ 57.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันในกลุ่มชาติอุตสาหกรรมต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปีราว 2% ในช่วงต้นเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับที่สูงกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปีราว 10% ในช่วงต้นปีนี้ ขณะที่อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 73,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9.78 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งใกล้กับระดับการผลิตน้ำมันของรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย
ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า ตลาดน้ำมันอาจเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า จากการที่สหรัฐทำการผลิตน้ำมันมากขึ้น หลังจากราคาดีดตัวขึ้น
รายงานระบุว่า การที่กลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีหน้า ได้ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น อย่างไรก็ดี นอกจากโอเปกจะได้รับประโยชน์จากราคาที่ดีดตัวขึ้นแล้ว ผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐ (shale oil) ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้ประโยชน์ ทำให้สหรัฐปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอย่างมาก
IEA คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันจากกลุ่มนอกโอเปก ซึ่งรวมถึงสหรัฐ เพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า
IEA ยังคาดว่า ปริมาณน้ำมันทั่วโลกเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล/วันในเดือนที่แล้ว สู่ระดับ 97.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี
IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 390,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ในปีหน้า จะอยู่ที่ 870,000 บาร์เรล/วัน