สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันในทะเลเหนือของอังกฤษ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 57.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 63.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 4 แท่น สู่ระดับ 747 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์
ขณะเดียวกันตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวการการปิดท่อส่งน้ำมันโฟร์ตี้ส์ในทะเลเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดส่งน้ำมัน 406,000 บาร์เรล/วันในเดือนนี้ หลังจากที่มีการพบรอยแตกของท่อส่งน้ำมัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันในกลุ่มชาติอุตสาหกรรมต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปีราว 2% ในช่วงต้นเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับที่สูงกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปีราว 10% ในช่วงต้นปีนี้ ขณะที่อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 73,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9.78 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งใกล้กับระดับการผลิตน้ำมันของรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย