สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากข่าวการลอบวางระเบิดท่อส่งน้ำมันในลิเบีย ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 59.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 66.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ภายหลังจากเนชั่นแนล ออยล์ คอมพานี (NOC) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติของลิเบียเปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายติดอาวุธได้ก่อเหตุลอบวางระเบิดท่อส่งน้ำมันทางตะวันออกของลิเบีย ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลง 70,000 - 100,000 บาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ท่อส่งน้ำมันดังกล่าวในลิเบียจะได้รับการซ่อมแซมและสามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้งในเร็วๆนี้ ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้นักลงทุนเทขาทำกำไรเมื่อคืนนี้ด้วย
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการเตรียมเปิดท่อส่งน้ำมันโฟร์ตีส์ในทะเลเหนือ โดยขณะนี้กำลังมีการทดสอบท่อส่งดังกล่าว หลังการซ่อมแซมเสร็จสิ้น และคาดว่าจะมีการเปิดท่อส่งในช่วงต้นเดือนหน้า
นักลงทุนจับตาสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ธ.ค. ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของวอลล์สตรีท เจอร์นัล คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงกว่า 3 ล้านบาร์เรล