สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกันในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่สงบในอิหร่าน และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันหลายสัปดาห์ ได้ช่วยจำกัดการร่วงลงของสัญญาน้ำมันดิบเมื่อคืนนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 57 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 61.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 67.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.7% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 1.1%
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกันในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิหร่านซึ่งเป็นประเทศสมาชิกรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยชาวอิหร่านได้รวมตัวกันชุมนุมในเมืองมัชฮัดตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว เพื่อประท้วงรัฐบาลซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน ซึ่งการชุมนุมได้ขยายวงกว้างไปอีกหลายเมืองทั่วประเทศ ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนต่อการทุจริตของเจ้าหน้าที่, เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
เหตุการณ์ประท้วงในอิหร่านส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ต่างก็ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนผู้ชุมนุม ขณะที่นายโกมาลี โคชรู ทูตอิหร่านประจำยูเอ็น ได้ออกมาโจมตีรัฐบาลสหรัฐว่าพยายามแทรกแซงกิจการภายในประเทศของอิหร่าน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 7.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 5.7 ล้านบาร์เรล
ขณะที่เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 742 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์