สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
ณ เวลา 00.51 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.60% สู่ระดับ 62.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากแตะระดับ 62.80 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ซึ่งราคาน้ำมันแตะ 63.43 ดอลลาร์ในขณะนั้น
ทั้งนี้ โอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่มีสัญญาณว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันได้ให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตมากกว่าที่สัญญาไว้ ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดเกิดภาวะตึงตัว
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันจะลดลง 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิหร่าน และวิกฤตเศรษฐกิจในเวเนซุเอลา รวมทั้งจากการที่เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 742 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์
นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะมีการขยายตัวมากกว่าการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกทั้งในปีนี้ และปีหน้า ขณะที่ราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มไม่ต่ำกว่าระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล