สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุ 64 ดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการลดกำลังการผลิตของสหรัฐ และการที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ณ เวลา 22.52 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 1.29% สู่ระดับ 64.39 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากแตะ 64.77 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.2557
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 3.9 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐลดลง 290,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9.5 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 742 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์
นายซูฮาอิล อัล-มาซรูเอ รมว.พลังงานและอุตสาหกรรมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กล่าวว่า กลุ่มประเทศโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก เช่น รัสเซีย อาจจะยังคงจับมือเป็นพันธมิตรกันต่อไป แม้ข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจะสิ้นสุดลงในสิ้นปีนี้
นายอัล-มาซรูเอกล่าวว่า ความร่วมมือกันของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการสร้างเสถียรภาพในตลาดด้วยการลดกำลังการผลิต กำลังทำให้ตลาดมีความสมดุล และบรรดาผู้ผลิตน้ำมันจะยังคงร่วมมือกันต่อไปหลังวันที่ 31 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ โอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ก็จะมีการทบทวนข้อตกลงดังกล่าวในการประชุมโอเปกครั้งต่อไปในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อประเมินผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และปริมาณน้ำมันในตลาดจากการปรับลดกำลังการผลิต