สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 8 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 63.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ขยับขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 69.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงเกือบ 290,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9.49 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 419.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558 และยังลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลดลงเพียง 3.9 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันดิบยังทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8
นอกจากนี้ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล
นอกเหนือจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบแล้ว ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากถ้อยแถลงของนายนายซูฮาอิล อัล-มาซรูเอ รมว.พลังงานและอุตสาหกรรมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่ว่า กลุ่มประเทศโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก เช่น รัสเซีย อาจจะยังคงจับมือเป็นพันธมิตรกันต่อไป แม้ข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันจะสิ้นสุดลงในสิ้นปีนี้ก็ตาม
ทั้งนี้ โอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปก นำโดยรัสเซีย เห็นพ้องกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ก็จะมีการทบทวนข้อตกลงดังกล่าวในการประชุมโอเปกครั้งต่อไปในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อประเมินผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และปริมาณน้ำมันในตลาดจากการปรับลดกำลังการผลิต