สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 64.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 69.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจาก IMF ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า สู่ระดับ 3.9% โดยปรับเพิ่มขึ้น 0.2% จากอานิสงส์ของการที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ดำเนินการปฏิรูประบบภาษีครั้งใหญ่
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ ระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 ม.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10
ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลและฮีทติ้งออยล์ จะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม คาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากการที่สถาบันการเงินบางแห่งได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมัน โดยบีเอ็นพี พาริบาส์ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ในปีนี้ สู่ระดับเฉลี่ย 60 ดอลลาร์ และน้ำมันดิบเบรนท์ สู่ระดับ 65 ดอลลาร์
ขณะที่ธนาคารบาร์เคลย์สปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้ สู่ระดับเฉลี่ย 60 ดอลลาร์