สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง รวมถึงสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 66.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2557
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. บวก 10 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 70.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับอานิสงส์จากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ออกมากล่าวสนับสนุนการแข็งค่าของดอลลาร์ก็ตาม
สกุลเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ที่ระดับ 2.6% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3% และต่ำกว่าระดับ 3.2% ในไตรมาส 3
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนหลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือว่าปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 12 แท่น สู่ระดับ 759 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว นอกจากนี้ แท่นขุดเจาะน้ำมันยังมีจำนวนมากกว่าระดับ 566 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว