สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 64.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 69.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นของสหรัฐ หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ เปิดเผยว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน เพิ่มขึ้น 12 แท่น สู่ระดับ 759 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งระบุว่า สหรัฐมีแนวโน้มครองอันดับประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลกในปีนี้ โดยแซงหน้ารัสเซีย ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันเทียบเท่ากับซาอุดิอาระเบียแล้ว ที่ระดับ 9.9 ล้านบาร์เรล/วัน
IEA ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐผลิตน้ำมัน 9.9 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 50 ปี โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น ซึ่งสร้างแรงจูงใจสำหรับผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) หลังจากที่ได้ลดกำลังการผลิตลงในช่วงที่ราคาน้ำมันตกต่ำ
ทั้งนี้ IEA คาดการณ์ว่า สหรัฐจะเพิ่มกำลังการผลิตสู่ระดับสูงกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ หากรัสเซีย และซาอุดิอาระเบียยังคงปรับลดกำลังการผลิตถึงสิ้นปีนี้ตามข้อตกลงที่ทำไว้ระหว่างโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก
นักลงทุนจับตาสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกันเป็นเวลา 10 สัปดาห์ก่อนหน้านี้