สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 61.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.35 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 65.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ก.พ. ซึ่งสวนทางกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 459,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ รายงานของ EIA ระบุว่า สหรัฐผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 332,000 บาร์เรล สู่ระดับ 10.25 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะแตะระดับเฉลี่ย 10.59 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และพุ่งแตะระดับ 11.18 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซีย กลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก