สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวในช่วงแคบวันนี้ ขณะที่ถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ
ณ เวลา 21.53 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ขยับขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.05% สู่ระดับ 61.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้สัญญามีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ดีดตัวสู่กรอบบนของ 109 เยนในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนตัวลงในวันนี้
ณ เวลา 18.07 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.29% สู่ระดับ 109.63 เยน ขณะที่ยูโรขยับขึ้น 0.07% สู่ระดับ 134.15 เยน และร่วงลง 0.20% สู่ระดับ 1.2237 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.19% สู่ระดับ 90.43
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับข้อมูลของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ที่ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าพุ่งขึ้น 3 ล้านบาร์เรล ขณะที่ API ระบุก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 459,000 บาร์เรล
สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สหรัฐผลิตน้ำมันดิบ 10.25 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่แล้ว
EIA คาดการณ์ว่า ผลผลิตน้ำมันของสหรัฐจะแตะระดับเฉลี่ย 10.59 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และพุ่งแตะระดับ 11.18 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซีย กลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก