สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานในตลาดโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 60.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 64.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ก.พ. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 459,000 บาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงของสหรัฐช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล หลังจากก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่ว่า อุปทานน้ำมันทั่วโลกจะอยู่ในระดับสูงกว่าอุปสงค์ในปีนี้ ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในแหล่งน้ำมันหลัก 7 แหล่งของสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 110,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 6.756 ล้านบาร์เรล/วัน