สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) หลังจากซาอุดิอาระเบียให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากข่าวการปิดแหล่งน้ำมัน เอล ฟีล ในประเทศลิเบีย รวมทั้งสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลงสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 63.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 67.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดในแดนบวก หลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.น้ำมันซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า การผลิตน้ำมันดิบของประเทศในไตรมาสแรกปีนี้ จะต่ำกว่าเพดานการผลิตที่ตกลงไว้ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยการส่งออกน้ำมันจะอยู่ในระดับเฉลี่ยไม่เกิน 7 ล้านบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ กลุ่มโอเปก และรัสเซียจะจัดการประชุมในเดือนมิ.ย. เพื่อพิจารณาการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในปลายปีนี้
ขณะเดียวกันสัญญาน้ำมันดิบได้ปัจจัยหนุนหลังจากบรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียเปิดเผยว่า เกิดเหตุสุดวิสัยเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันในแหล่งเอล ฟีล ซึ่งมีกำลังการผลิต 70,000 บาร์เรล/วัน หลังจากเกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 1.6 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล