สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) หลังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ตกลงที่จะจัดการประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรกเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ ประกอบกับรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนลดลงครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.92 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 62.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.88 ดอลลาร์ หรือ 3.0% ปิดที่ 65.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังได้รับแรงหนุนจากการตอบรับของทรัมป์ ที่ยินดีจะเข้าพบปะกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากที่นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้แสดงเจตจำนงในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในระหว่างการหารือร่วมกับคณะผู้แทนเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า "สหรัฐตกลงที่จะร่วมเจรจากับเกาหลี นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทุกฝ่ายร่วมกันอย่างจริงจังในการแก้ปัญหาในขณะที่ทั้งโลกกำลังจับตามอง สหรัฐพร้อมที่จะเดินหน้าไม่ว่าในทิศทางใด แม้ว่าอาจจะไม่สมหวังก็ตาม"
ด้านนายนาอีม อัสลาม หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดจาก ThinkMarkets มองว่า "เสถียรภาพทางภูมิศาสตร์การเมืองเป็นสิ่งที่เพิ่มปริมาณอุปสงค์ในน้ำมัน"
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ ที่เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 4 แท่น สู่ระดับ 796 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์
อย่างไรก็ดี แท่นขุดเจาะน้ำมันยังคงมีจำนวนมากกว่าระดับ 617 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาข้อมูลระดับการผลิตน้ำมันรายเดือนจากชั้นหินดินดาน (shale oil) โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันจันทร์นี้ตามเวลาสหรัฐ