สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าคาด อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 60.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 64.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวก หลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 6.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล
อย่าไรก็ตาม สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดย EIA เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เพิ่มขึ้น 12,000 บาร์เรล สู่ระดับ 10.381 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในเดือนเม.ย.ของสหรัฐ จะเพิ่มขึ้น 131,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 6.954 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ก่อนหน้านี้ EIA ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยคาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันมากกว่า 120,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรล/วันภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันได้มากกว่าซาอุดิอาระเบียในปีที่แล้ว
ส่วนในปีหน้า EIA คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 570,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.27 ล้านบาร์เรล/วัน