สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) หลังจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสูดในรอบ 14 ปี นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นแรงซื้อในตลาดน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 62.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 66.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นราว 0.5% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 1.1%
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทไพรซ์ ฟิวเจอร์ กรุ๊ป กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ความต้องการพลังงานของผู้บริโภคมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นด้วย
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 99.3 และสูงกว่าระดับ 99.9 ในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นที่พุ่งขึ้นในเดือนมี.ค.ได้แรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกของผู้บริโภคต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และฐานะการเงินส่วนบุคคล
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3% โดยได้แรงหนุนจากภาคก่อสร้าง, ภาคพลังงาน และเหมืองแร่
อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐยังคงสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในเดือนเม.ย.ของสหรัฐ จะเพิ่มขึ้น 131,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 6.954 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ รายงานล่าสุดจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 800 แท่นในสัปดาห์นี้ โดยแท่นขุดเจาะน้ำมันยังคงมีจำนวนมากกว่าระดับ 631 แท่นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว