สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) เนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งแนวโน้มที่ว่า เวเนซุเอลาอาจจะลดกำลังการผลิตน้ำมัน ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันเพื่อเก็งกำไร
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 63.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 67.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นกว่า 2% อันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุดิอารเบียซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียได้ออกมาระบุว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่อิหร่านทำไว้กับชาติมหาอำนาจในปี 2558 เป็นข้อตกลงที่มีข้อบกพร่อง ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวของซาอุดิอาระเบีย มีขึ้นก่อนที่มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดิอาระเบีย จะเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์เคยขู่ที่จะนำสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งทำให้มีแนวโน้มว่าการคว่ำบาตรครั้งใหม่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า เวเนซุเอลาอาจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อไปอีก จากการที่เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ หลังจากที่ได้ลดการผลิตลงครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่ปี 2548 สู่ระดับต่ำกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วัน
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย