สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ร่วงลงสวนทางกับการคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 63.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 68.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดขยับลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และฉุดอุปสงค์น้ำมันลดลงด้วย โดยเมื่อวานนี้กระทรวงการคลังจีนได้เปิดเผยรายการสินค้าของสหรัฐที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสินค้า 106 รายการใน 14 หมวดสินค้า รวมถึงถั่วเหลือง รถยนต์ เครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ และเคมีภัณฑ์ โดยรัฐบาลจีนจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตรา 25% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนมีขึ้นหลังจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เปิดเผยรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% จำนวน 1,300 รายการ คิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะบีบให้จีนผ่อนปรนกฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุน
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดขานรับรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 246,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันประเภทอื่นๆนั้น สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ทางด้านสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 537,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล