สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 เม.ย.) หลังจากที่นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ประกอบกับปัจจัยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงสวนทางคาดการณ์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 63.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 68.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ขณะนี้สหรัฐยังไม่มีการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน และจีนก็ยังไม่ได้บังคับใช้มาตรการดังกล่าวกับสหรัฐเช่นกัน โดยทั้งสองประเทศมีเวลาอย่างน้อย 2 เดือนก่อนที่จะตัดสินใจบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า
ทางด้านนายชุย เถียนไค เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ กล่าวว่า ทางเลือกแรกของจีนควรจะเป็นการหันหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐ โดยจีนพร้อมที่จะเจรจาและปรึกษาหารือกับสหรัฐ
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงสวนทางคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 246,000 บาร์เรล
ขณะเดียวกัน การผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนในเดือนมี.ค. จากการลดลงของการส่งออกน้ำมันของแองโกลา ปัญหาในการผลิตน้ำมันในลิเบีย รวมทั้งการผลิตน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในเวเนซุเอลา
อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้สกัดแรงบวกของราคาน้ำมัน โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.36% แตะระดับ 90.468 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์ที่แข็งค่าจะลดความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้สัญญามีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น