สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ จากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และราคาน้ำมันในตลาดโลก
ณ เวลา 21.12 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.13% สู่ระดับ 63.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันมีแนวโน้มดิ่งลงในสัปดาห์นี้มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณารายการสินค้านำเข้าจากจีนที่สหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาได้ขอให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ พิจารณาว่าการเก็บภาษีนำเข้าอีก 1 แสนล้านดอลลาร์นั้นเหมาะสมหรือไม่ภายใต้มาตรา 301 และหากเหมาะสม ก็ขอให้ระบุรายการสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นเพราะจีนได้ตอบโต้อย่างไม่เป็นธรรมต่อการที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศในวันนี้ว่า จีนจะตอบโต้สหรัฐไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม และจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างครอบคลุม หากสหรัฐยังคงเดินหน้ากีดกันการค้าแต่เพียงฝ่ายเดียว
นักวิเคราะห์วิตกว่า หากจีนเรียกเก็บภาษีต่อน้ำมันที่นำเข้าจากสหรัฐ ก็จะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน และอุปสงค์น้ำมันของสหรัฐ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก
นายเบนัวต์ โคเออร์ สมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวในวันนี้ว่า การทำสงครามการค้าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก รวมทั้งสหรัฐ
"ถ้าสิ่งนี้ลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบ ก็จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวและการจ้างงานทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐ เราจึงควรกลับมาเจรจา ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ" เขากล่าว
นายโคเออร์ระบุว่า การตอบโต้กันทางวาจา และการตัดสินใจด้านนโยบายระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าอื่นๆ ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกแล้ว
"เราเห็นตลาดหุ้นทรุดตัวลง และสภาวะการเงินทั่วโลกได้ตึงตัวขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ" นายโคเออร์กล่าว
นายโคเออร์กล่าวเสริมว่า ความตึงเครียดทางการค้าในปัจจุบันถือเป็นสิ่งที่ ECB มีความวิตกมากที่สุดในขณะนี้