สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่าข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะคลี่คลายลง หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ส่งสัญญาณว่า จีนจะเปิดกว้างให้ต่างชาติเข้าถึงตลาดจีนมากขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.09 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 65.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 2.39 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 71.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมโป๋อ่าว ฟอรั่ม ฟอร์ เอเชีย (BFA) โดยให้คำมั่นว่าจีนจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และภาษีนำเข้าสินค้าอื่นๆบางประเภท รวมทั้งเปิดกว้างการเข้าถึงตลาดจีน
ขณะเดียวกันปธน.สี จิ้นผิงยังได้ให้คำมั่นบนเวทีประชุม BFA เมื่อวานนี้ว่า จีนจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งจะเพิ่มการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทต่างชาติ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.24% แตะระดับ 89.625 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่า จะเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้สัญญามีราคาลดลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ด้านนักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 2 ล้านบาร์เรล และคาดว่าสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตารายงานประจำเดือนของกลุ่มโอเปกซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดี และรายงานประจำเดือนของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก