สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงการที่กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้เปิดฉากยิงขีปนาวุธโจมตีกรุงริยาดของซาอุดิอาระเบียเมื่อวานนี้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าสหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดที่ได้ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 66.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 72.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคึกคัก หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้เปิดฉากยิงขีปนาวุธโจมตีกรุงริยาดของซาอุดิอาระเบียเมื่อวานนี้ ขณะที่ซาอุดิอาระเบียสามารถยิงสกัดขีปนาวุธได้ลูกหนึ่ง โดยกลุ่มกบฏฮูตีได้เข้าโจมตีกรุงริยาดเพื่อตอบโต้ซาอุดิอาระเบียที่ได้ทำการโจมตีทางอากาศต่อที่มั่นของกลุ่มกบฏ
ทั้งนี้ สงครามกลางเมืองในเยเมนเปรียบเสมือนการทำสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน โดยซาอุดิอาระเบียให้การสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดีอับดราบูห์ มันซูร์ ฮาดี แต่อิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏฮูตีที่มีความจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ โดยกลุ่มกบฏฮูตีครอบครองดินแดนทางเหนือของประเทศ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นหลังจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่าสหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดที่ได้ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน ขณะเดียวกันปธน.ทรัมป์ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียกำลังตกต่ำลงเป็นประวัติการณ์ สืบเนื่องมาจากการที่สหรัฐเชื่อว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนในซีเรีย
ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ 189,000 บาร์เรล