สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า ผู้นำอิสราเอลได้เปิดเผยเอกสารจำนวนมากที่พิสูจน์ว่าอิหร่านกำลังดำเนินการโครงการลับเพื่อสร้างอาวุธนิวเคลียร์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 68.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 75.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 5 แท่น สู่ระดับ 825 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เปิดเผยเอกสารจำนวนมากที่เขาอ้างว่าได้รับจากอิหร่าน และพิสูจน์ว่าอิหร่านกำลังดำเนินการโครงการลับเพื่อสร้างอาวุธนิวเคลียร์
ก่อนหน้านี้ อิหร่านมักยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนเป็นโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติ แต่นายเนทันยาฮูได้เปิดเผยเอกสารจำนวนหลายพันหน้า ซึ่งเอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงหลักฐานใหม่ที่ทำให้ได้ข้อสรุปว่าอิหร่านมีโครงการลับในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ โดยได้ปิดบังไว้เป็นเวลาหลายปี
นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐซึ่งมีเวลาจนถึงวันที่ 12 พ.ค.ในการตัดสินใจว่าจะถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ชาติมหาอำนาจทำไว้กับอิหร่านหรือไม่ โดยข้อตกลงฉบับนี้เกิดจากลงนามในปี 2558 ระหว่างอิหร่าน และกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ในขณะที่อิหร่านจะต้องระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ทั้งนี้ หากปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ก็จะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันสู่ตลาด และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น