สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 67.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 73.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.15% แตะระดับ 92.314 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่า จะช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้สัญญามีราคาลดลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของ EIA ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 6.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสูงเกือบ 2 เท่าจากที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ร่วงลง 3.9 ล้านบาร์เรล