สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นไม่หยุด ล่าสุดทะยานขึ้นเกือบ 3% แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่งทะลุระดับ 71 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินต่างก็ปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อวานนี้
ณ เวลา 22.41 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 2.00 ดอลลาร์ หรือ 2.9% สู่ระดับ 71.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากแตะระดับ 71.29 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2557
ทั้งนี้ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลเช่นกัน
นอกจากนี้ EIA ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 10.7 ล้านบาร์เรล/วัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อวานนี้ และระบุว่าจะดำเนินการคว่ำบาตรต่ออิหร่านในระดับสูงสุด ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่หลังจากนี้ 180 วัน นอกจากว่าสหรัฐจะมีการบรรลุข้อตกลงใหม่ภายในช่วงเวลาดังกล่าว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจำนวน 200,000-1,000,000 บาร์เรล/วัน โดยตลาดจะเริ่มได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรดังกล่าวตั้งแต่ปีหน้า
อย่างไรก็ดี แม้ว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน แต่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียก็ได้ให้คำมั่นว่าจะรักษาเสถียรภาพในตลาดน้ำมันต่อไป เพื่อประโยชน์ของผู้ผลิตและผู้บริโภค และเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจทั่วโลก
ขณะนี้ อิหร่านนับเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก โดยเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยอิหร่านส่งออกน้ำมันมากกว่า 2.6 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่มีการลงนามในข้อตกลงในปี 2558 กับกลุ่มประเทศ P5+1 ซึ่งได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน เพื่อแลกกับการที่อิหร่านระงับการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์