สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) โดยตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวการยิงสู้รบกันระหว่างกองทัพอิสราเอลและกองทัพอิหร่านซึ่งมีฐานอยู่ในซีเรีย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินของสหรัฐซึ่งต่างก็ปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 71.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 77.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2557
สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนสัญญาน้ำมันดิบปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยรายงานระบุว่า อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีในซีเรียเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่ฐานทัพทหารของอิหร่าน หลังจากที่กองกำลังอิหร่านซึ่งประจำการอยู่ในซีเรียนั้น ได้ยิงจรวดเข้าใส่ที่ราบสูงโกลันของอิสราเอล
โฆษกกองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอลแถลงว่า มีขีปนาวุธหลายลูกถูกยิงจากเขตแดนประเทศซีเรีย เข้ามายังภูมิภาคที่ราบสูงโกลันในอิสราเอล ในช่วงดึกของวันเดียวกัน ขณะที่กองทัพอิสราเอลได้ยิงขีปนาวุธตอบโต้ โดยพุ่งเป้าโจมตีกองกำลังอัลคุดส์ ซึ่งเป็นกองกำลังชาวอิหร่านในซีเรีย ที่อิสราเอลเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการยิงโจมตีใส่อิสราเอลหลายครั้งก่อนหน้านี้
ส่วนสถานการณ์สู้รบระหว่างกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมนและกองกำลังซาอุดิอาระเบียยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะ โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทไฟรซ์ ฟิวเจอร์ กรุ๊ป มองว่า การสู้รบที่ยืดเยื้อระหว่างซาอุดิอาระเบียและกลุ่มกบฎฮูตีอาจส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันเพื่อเก็งกำไร
ทั้งนี้ สงครามกลางเมืองในเยเมนเปรียบเสมือนการทำสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน โดยซาอุดิอาระเบียให้การสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดีอับดราบูห์ มันซูร์ ฮาดี แต่อิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏฮูตีที่มีความจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ โดยกลุ่มกบฏฮูตีครอบครองดินแดนทางตอนเหนือของประเทศ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.2 ล้านบาร์เรลเช่นกัน