สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบ และการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในเดือนนี้ โดยที่ประชุมจะมีการทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก และผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 79 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 64.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 75.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงหลังจากรายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 1 มิ.ย. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล และยังสวนทางกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรล มากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 587,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล พุ่งขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 784,000 บาร์เรล
ขณะเดียวกันรายงานของ EIA ยังระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้น 31,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.8 ล้านบาร์เรล/วัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาการตัดสินใจของกลุ่มโอเปก หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐได้เจรจากับซาอุดิอาระเบีย และสมาชิกบางประเทศในกลุ่มโอเปก เพื่อให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันราว 1 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ในการประชุมที่กรุงเวียนนาในวันที่ 22 มิ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่ม นำโดยรัสเซีย มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน