สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ปริมาณการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรและวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะยังไม่ปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมเดือนนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 65.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.96 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 77.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า เวเนซุเอลาประสบความล่าช้าเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนในการส่งมอบน้ำมันแก่ลูกค้า โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ และวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ
รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรเวเนซุเอลาตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยห้ามไม่ให้พลเมืองในสหรัฐซื้อพันธบัตรของรัฐบาลเวเนซุเอลา หรือเข้าถือครองหุ้นส่วนในบริษัทสัญชาติเวเนซุเอลา โดยการคว่ำบาตรในครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่ CITGO บริษัทน้ำมันในเครือของ PDVSA ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา
นักลงทุนจับตาการประชุมทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ในการประชุมที่กรุงเวียนนาในวันที่ 22 มิ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่ม นำโดยรัสเซีย มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปกอาจยังไม่ปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมครั้งนี้ หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของอัลจีเรียเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า กลุ่มโอเปกจะมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างสมดุลในตลาด มากกว่าการปรับเพดานการผลิต ขณะที่เจ้าหน้าที่อิรักกล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้จะไม่มีการหารือกันในประเด็นปรับเพิ่มกำลังการผลิต