สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 มิ.ย.) หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิรักได้แสดงความเห็นว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังไม่ควรปรับเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมัน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและรัสเซีย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือประมาณ 0.6% ปิดที่ 66.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ปิดทรงตัวที่ 76.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น หลังจากนายจาบาร์ อัล-ลออิบี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิรักได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันยังคงต้องการเสถียรภาพและปัจจัยสนับสนุน พร้อมระบุว่า กลุ่มผู้ผลิตยังไม่ควรปรับเพิ่มเพดานการผลิตในระยะนี้
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้แรงหนุนจากอุปทานน้ำมันที่ลดลงในเวเนซุเอลาและอิหร่าน หลังมีรายงานว่า การส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรและวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่นเดียวกับอุปทานน้ำมันจากอิหร่านที่คาดว่าจะลดลง เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและรัสเซีย โดยรายงานระบุว่า การผลิตน้ำมันของรัสเซียพุ่งแตะระดับ 11.1 ล้านบาร์เรล/วันในต้นช่วงเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำกว่า 11 ล้านบาร์เรล/วันที่ทำไว้ในเดือนพ.ค. ขณะที่สหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ โดยแตะระดับ 10.8 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 28% ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี
นักลงทุนจับตาการประชุมทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ในการประชุมที่กรุงเวียนนาในวันที่ 22 มิ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่ม นำโดยรัสเซีย มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน