สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (13 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันนิวยอร์กถูกกดดันในระหว่างวัน หลังจากรายงานระบุว่า สหรัฐผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 66.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 76.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลงเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 443,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบถูกกดดันในระหว่างวัน หลังจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ออกรายงานคาดการณ์เมื่อวานนี้ว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2562 โดยคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน จนแตะระดับ 100 ล้านบาร์เรล/วันภายในไตรมาส 2 ของปีหน้า ด้วยปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก และเสถียรภาพด้านราคา
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มโอเปก ในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่ม นำโดยรัสเซีย มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน