สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 1% หลุดระดับ 65 ดอลลาร์ในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเพิ่มกำลังการผลิตของสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียเตรียมเสนอปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มในวันที่ 22 มิ.ย.
ณ เวลา 18.54 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.67% สู่ระดับ 64.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับเตือนว่า หากรัฐบาลจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มอีก เพื่อตอบโต้แผนเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ในอัตรา 10% ครั้งนี้ สหรัฐก็พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวงเงินเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า รัฐบาลจีนพร้อมตอบโต้อย่างรุนแรง หากรัฐบาลสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% จริงตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้ โดยมาตรการตอบโต้ของจีนจะรวมทั้งการเรียกเก็บภาษีจากน้ำมันที่นำเข้าจากสหรัฐ
นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.พลังงานของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียให้การสนับสนุนในหลักการต่อการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่ได้มีการจำกัดกำลังการผลิตเป็นเวลา 18 เดือน
"เราให้การสนับสนุนการเพิ่มกำลังการผลิต แต่เราจะหารือในรายละเอียดกับรัฐมนตรีน้ำมันคนอื่นๆในการประชุมวันที่ 22 มิ.ย." นายโนวัคกล่าว หลังการหารือกับนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียที่กรุงมอสโกในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้กลุ่มประเทศโอเปก และนอกโอเปกจะทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาในวันที่ 22 มิ.ย.
นายโนวัคกล่าวว่า ทางเลือกหนึ่งก็คือ การเพิ่มกำลังการผลิต 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ
สหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ โดยแตะระดับ 10.9 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 30% ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี
ส่วนสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยคาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันมากกว่า 120,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรล/วันภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันได้มากกว่าซาอุดิอาระเบียในปีที่แล้ว
สำหรับในปีหน้า EIA คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 570,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.27 ล้านบาร์เรล/วัน
การผลิตน้ำมันของรัสเซียพุ่งแตะระดับ 11.1 ล้านบาร์เรล/วันในต้นเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำกว่า 11 ล้านบาร์เรล/วันที่ทำไว้ในเดือนพ.ค.
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 1 แท่น สู่ระดับ 863 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 และเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4