สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียจะเสนอให้มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่มในวันที่ 22 มิ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 65.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 26 เซนต์ หรือเกือบ 0.4% ปิดที่ 75.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับเตือนว่า หากรัฐบาลจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มอีก เพื่อตอบโต้แผนเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ในอัตรา 10% ครั้งนี้ สหรัฐก็พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวงเงินเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลจีนพร้อมตอบโต้อย่างรุนแรง หากรัฐบาลสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% จริงตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้ โดยมาตรการตอบโต้ของจีนจะรวมทั้งการเรียกเก็บภาษีจากน้ำมันที่นำเข้าจากสหรัฐ
นักลงทุนจับตาการประชุมอย่างเป็นทางการของกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มโอเปกซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่ม นำโดยรัสเซีย มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียอาจเสนอให้มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมครั้งนี้ หลังจากนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.พลังงานของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียให้การสนับสนุนในหลักการว่า ควรปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่ได้มีการจำกัดกำลังการผลิตเป็นเวลา 18 เดือน นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะที่ได้รับการสำรวจจากเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 3.7 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 มิ.ย. ขณะเดียวกันคาดว่า สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 700,000 บาร์เรล