สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 1% หลุดระดับ 65 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ใกล้บรรลุข้อตกลงในการเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมพรุ่งนี้
ณ เวลา 19.10 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.40% สู่ระดับ 64.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นว่า กลุ่มประเทศโอเปกจะบรรลุฉันทามติในการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันในวันพรุ่งนี้
นายฟาลีห์ยังกล่าวว่า ผู้บริโภคจะมีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นโอเปกจำเป็นต้องหารือการเพิ่มกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่สมาชิกบางรายของโอเปกลดกำลังการผลิตมากกว่าที่ตกลงกันไว้
ทั้งนี้ สมาชิก 14 ชาติของโอเปกจะจัดการประชุมนโยบายการผลิตน้ำมันที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่กลุ่มประเทศนอกโอเปก นำโดยรัสเซีย จะเข้าร่วมการประชุมในวันเสาร์
ทางด้านอิหร่านส่งสัญญาณว่าจะยอมประนีประนอมให้กลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตเล็กน้อยในการประชุมสัปดาห์นี้
ท่าทีของอิหร่านดังกล่าว ถือว่าแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ซึ่งอิหร่านระบุว่าไม่มีแนวโน้มที่โอเปกจะบรรลุข้อตกลงในวันศุกร์นี้
ก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันมีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน ขณะที่สหรัฐ, จีน และอินเดียต่างเรียกร้องให้โอเปกเพิ่มการผลิตน้ำมันเพื่อฉุดให้ราคาลดต่ำลง
นายบิจาน ซานกาเนห์ รมว.น้ำมันอิหร่าน กล่าวว่า สมาชิกโอเปกซึ่งได้ปรับลดกำลังการผลิตมากกว่าที่ได้ตกลงกันไว้ จะสามารถเพิ่มการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับโควตาที่ระบุไว้
ทั้งนี้ ข้อมูลในเดือนเม.ย.พบว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันได้ให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากถึง 152% ซึ่งหมายความว่ามีการปรับลดกำลังการผลิตรวมกันมากกว่า 1.8 ล้านบาร์เรล/วันที่ตกลงกันไว้
แหล่งข่าวระบุว่า โอเปกและผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปกจะทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันในการประชุมสัปดาห์นี้ โดยจะให้มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้ตัวเลขความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลดลงสู่ระดับ 100% จาก 152% ในขณะนี้
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ
สหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ โดยแตะระดับ 10.9 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 30% ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี
ส่วนสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยคาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันมากกว่า 120,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรล/วันภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันได้มากกว่าซาอุดิอาระเบียในปีที่แล้ว
สำหรับในปีหน้า EIA คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 570,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.27 ล้านบาร์เรล/วัน
การผลิตน้ำมันของรัสเซียพุ่งแตะระดับ 11.1 ล้านบาร์เรล/วันในต้นเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำกว่า 11 ล้านบาร์เรล/วันที่ทำไว้ในเดือนพ.ค.
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 1 แท่น สู่ระดับ 863 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 และเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4