สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ และบริษัทน้ำมัน ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 72.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 2557
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 77.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 9.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ระบุก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 9.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะเดียวกัน EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 15,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 774,000 บาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ และบริษัทน้ำมัน ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร ขณะที่มีรายงานว่า บริษัทเชลล์และโททาลได้ยุติการซื้อน้ำมันจากอิหร่านแล้วในขณะนี้
ทั้งนี้ วันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. ซึ่งจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
รายงานระบุว่า ขณะนี้อิหร่านส่งออกน้ำมันมากกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)