สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ ที่เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 4 แท่น สู่ระดับ 858 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือเกือบ 1% ปิดที่ 74.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 1.59 ดอลลาร์ หรือกว่า 2% ปิดที่ 79.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ตลาดน้ำมันอาจประสบภาวะตึงตัว หากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน โดยสหรัฐได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ และบริษัทน้ำมัน ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร
ทั้งนี้ วันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. ซึ่งจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อราคาสัญญาน้ำมันดิบ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.68% สู่ระดับ 94.662 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน เพราะทำให้สัญญามีราคาลดลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น