สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นของซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย รวมทั้งการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่เพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 73.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.93 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 77.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. และใกล้กับระดับ 10.72 ล้านบาร์เรล/วันที่ทำไว้ในเดือนพ.ย.2559 ส่วนการผลิตน้ำมันของรัสเซียเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 11.06 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.
รายงานยังระบุด้วยว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 10.9 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้การผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย และสหรัฐอยู่ที่ระดับเกือบ 11 ล้านบาร์เรล/วันต่อหนึ่งประเทศ และสามารถรองรับความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกราว 1 ใน 3
ส่วนการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนมิ.ย.นั้น เพิ่มขึ้น 320,000 บาร์เรล/วัน
ขณะเดียวกันภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยลบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า ซึ่งรวมถึงสหภาพยุโรป จีน อินเดีย และแคนาดา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเอเชีย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังสร้างแรงกดดันต่อสัญญาน้ำมันดิบเช่นกัน โดยในระหว่างที่ตลาดน้ำมันนิวยอร์กทำการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.57% แตะที่ 95.012
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพฤหัสบดีนี้ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย