สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า ลิเบียประกาศภาวะสุดวิสัยในการส่งออกน้ำมัน และแคนาดาประสบปัญหาในการผลิตน้ำมัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 74.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 77.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันจำนวน 360,000 บาร์เรล/วัน ที่เมืองอัลเบอร์ตาของแคนาดา ได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟฟ้าดับในเดือนที่แล้ว และมีแนวโน้มว่าจะกระทบการผลิตน้ำมันตลอดทั้งเดือนนี้
นอกจากนี้ วิกฤตการณ์ด้านน้ำมันในลิเบียยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นด้วย โดยบรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (NOC) ประกาศเหตุสุดวิสัยในการขนถ่ายน้ำมันจากท่าเรือซูเอตินา และฮาริกา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมัน 850,000 บาร์เรล/วัน
ก่อนหน้านี้ NOC ระบุว่า "การหยุดชะงักของการส่งออกน้ำมันดิบจากคลังน้ำมันของลิเบีย อันเนื่องมาจากถูกขัดขวางจากกองทัพแห่งชาติลิเบีย (LNA) นั้น ส่งผลให้ลิเบียสูญเสียรายได้ถึง 67.4 ล้านดอลลาร์ และจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อบริษัทในเครือ NOC อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชนชาวลิเบียด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ แม้ลิเบียเป็นประเทศที่อุมดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมัน แต่ก็ได้ตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จลาจลเพื่อโค่นล้มอำนาจการปกครองของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ในปี 2554 นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในพรุ่งนี้ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 250,000 บาร์เรล