สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากร่วงลงในช่วงแรกจากการที่ซาอุดิอาระเบียปรับเพิ่มกำลังการผลิต และจากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ สหรัฐได้เรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนมากกว่า 800 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวงเงินที่เท่ากัน
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวงเงินมากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบเท่ากับมูลค่าสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนทั้งหมดในปีที่แล้ว หากจีนยังคงตอบโต้สหรัฐ และไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ
ณ เวลา 22.43 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.88% สู่ระดับ 73.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่าได้เพิ่มกำลังการผลิต 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนที่แล้ว เพื่อชดเชยการลดกำลังการผลิตของบางประเทศ และเพื่อให้ราคาน้ำมันชะลอตัวลง
เวเนซุเอลา อังโกลา และลิเบีย ได้ลดการผลิตน้ำมัน เนื่องจากประสบปัญหาภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังดีดตัวจากข่าวที่ว่า อิหร่านขู่สกัดการขนส่งน้ำมันในอ่าวเปอร์เซีย หากสหรัฐคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันอิหร่าน
นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวเตือนว่า อิหร่านจะขัดขวางการขนส่งน้ำมันของประเทศต่างๆในภูมิภาค ถ้าหากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
แม้ว่านายรูฮานีไม่ได้ระบุรายละเอียดของแผนการดังกล่าว แต่พลตรีกาเซ็ม โซไลมานิ ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดีในการสกัดการส่งออกน้ำมันดิบของประเทศในอ่าวเปอร์เซีย
ก่อนหน้านี้ อิหร่านขู่ว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญสำหรับประเทศในอ่าวเปอร์เซียไปยังทะเลอาหรับ
สหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ และบริษัทน้ำมัน ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร
ทั้งนี้ วันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. ซึ่งจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
ขณะนี้ อิหร่านผลิตน้ำมันราว 4.7 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก หรือเกือบ 5% ของปริมาณน้ำมันที่มีการผลิตทั่วโลก
ลูกค้าน้ำมันรายใหญ่ของอิหร่านได้แก่ จีน และอินเดีย
ขณะนี้ลูกค้าน้ำมันบางประเทศของอิหร่าน เช่น ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ ได้ส่งสัญญาณว่าพวกเขาจะระงับการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน หากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน
นายสตีเฟน เบรนนอค นักวิเคราะห์ด้านน้ำมันจากพีวีเอ็ม ออยล์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ หากอิหร่านทำการปิดกั้นการส่งออกน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซีย
"ขณะนี้น้ำมันราว 17 ล้านบาร์เรล/วัน หรือราว 35% ของน้ำมันส่งออกที่มีการขนส่งทางเรือได้ใช้เส้นทางในอ่าวเปอร์เซีย การปิดกั้นการขนส่งน้ำมันในเส้นทางดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นมากกว่า 100 ดอลลาร์" นายเบรนนอคระบุในรายงาน
"ผู้นำอิหร่านแสดงความมุ่งมั่นในการตอบโต้ต่อการที่สหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งจะทำให้เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันต่อไป" นายเบรนนอคระบุ