สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ความกังวลที่ว่า ตลาดน้ำมันจะประสบภาวะตึงตัว หากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ได้เป็นปัจจัยช่วยจำกัดช่วงขาลงของราคาน้ำมัน
ณ เวลา 23.42 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.49% สู่ระดับ 73.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 5 แท่น สู่ระดับ 863 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากลดลงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สวนทางคาดการณ์ที่ว่าสต็อกจะลดลง
EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล
สหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ โดยแตะระดับ 10.9 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 30% ในช่วงเวลาเพียง 2 ปี
ส่วนสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันมากกว่า 120,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรล/วันภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ขณะที่สหรัฐสามารถผลิตน้ำมันได้มากกว่าซาอุดิอาระเบียในปีที่แล้ว
สำหรับในปีหน้า คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 570,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 11.27 ล้านบาร์เรล/วัน
ทางด้านสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ และบริษัทน้ำมัน ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร
ทั้งนี้ วันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. ซึ่งจะทำให้ปธน.ทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่
ขณะนี้ อิหร่านส่งออกน้ำมันมากกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)