สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งรายงานที่ว่าซาอุดิอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนที่แล้ว เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น และข่าวลิเบียประกาศเปิดสถานีส่งออกน้ำมันอีกครั้งเมื่อวานนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 3.73 ดอลลาร์ หรือ 5% ปิดที่ 70.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 2560
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 5.46 ดอลลาร์ หรือ 6.9% ปิดที่ 73.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมัน โดยเมื่อวานนี้ รัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ ในอัตรา 10% โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ย. ทางด้านรัฐบาลจีนได้ออกมาประท้วงการกระทำดังกล่าวของสหรัฐ และเตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้เช่นกัน
มาตรการล่าสุดที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเมื่อวานนี้ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐเพิ่งบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนกว่า 800 รายการ ในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวงเงินที่เท่ากัน
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากรายงานที่ว่า ซาอุดิอาระเบียได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันราว 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2559 เพื่อสกัดราคาน้ำมันดิบที่ได้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง
ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันราว 10.5 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับราว 10 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากบรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (NOC) เปิดเผยว่า การผลิตและการส่งออกน้ำมันของลิเบียจะกลับสู่ระดับปกติอีกครั้ง หลังจากที่ลิเบียได้ปิดสถานีส่งออกน้ำมันในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งส่งผลให้การผลิตน้ำมันของลิเบียลดลงมาอยู่ที่ระดับ 527,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.พ. จากระดับสูงสุดที่ 1.28 ล้านบาร์เรล
ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 12.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 4.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล