สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) โดยตลาดยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ลิเบียเริ่มกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง หลังจากที่ปิดสถานีส่งออกน้ำมัน 4 แห่งในช่วงก่อนหน้านี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 70.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 74.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้มาจากข่าวที่ว่า บรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียเปิดเผยว่ามีการเปิดสถานีส่งออกน้ำมัน 4 แห่ง หลังจากที่ได้ถูกปิดไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำให้มีการส่งออกน้ำมันราว 850,000 บาร์เรล/วันเข้าสู่ตลาด
ขณะเดียวกันนักลงทุนซึมซับรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ซึ่งเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า การที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันทำการเพิ่มการผลิตเพื่อให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง อาจส่งผลให้กำลังการผลิตส่วนเกินในตลาดลดน้อยลง
"การผลิตน้ำมันที่ยังประสบภาวะชะงักงันในหลายประเทศ ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงแรงกดดันต่อปริมาณน้ำมันในตลาดโลก และหากมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นจากตะวันออกกลางและรัสเซีย ก็จะส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตส่วนเกินในตลาด" รายงานของ IEA ระบุ
"ภาวะเปราะบางดังกล่าวได้เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันในขณะนี้ และมีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป" รายงานระบุ
ทั้งนี้ หากกำลังการผลิตส่วนเกินในตลาดอยู่ในระดับสูง ก็จะช่วยลดผลกระทบหากเกิดภาวะตื่นตระหนกในตลาด แต่กำลังการผลิตส่วนเกินอยู่ในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากการผลิตน้ำมันประสบภาวะชะงักงันในเวเนซุเอลา ลิเบีย และแคนาดา