สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) หลังจากผลสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากข่าวลิเบียเริ่มกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ขยับขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 68.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือเกือบ 0.5% ปิดที่ 72.6 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดดีดตัวขึ้นในแดนบวก หลังจากนักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ จะลดลง 3 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 45,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานของบรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียซึ่งระบุว่า ลิเบียได้เปิดสถานีส่งออกน้ำมัน 4 แห่ง หลังจากที่ได้ถูกปิดไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำให้มีการส่งออกน้ำมันราว 850,000 บาร์เรล/วันเข้าสู่ตลาด
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เวเนเซุเอลาเตรียมดำเนินการซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันดิบ 2 ใน 4 แห่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดยโรงกลั่นเหล่านี้มีกำลังการผลิตรวมกันถึง 700,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 143,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 7.47 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์